ประวัติซีรีส์ Monster Hunter – จากภาคแรกจนกลายเป็นซีรีส์ล่าแย้

Browse By

ประวัติซีรีส์ Monster Hunter – จากภาคแรกจนกลายเป็นซีรีส์ล่าแย้ระดับโลก


1) บทนำ – จากเกมล่ามอนสเตอร์ niche สู่ซีรีส์ระดับโลกที่ใครๆ ก็รู้จัก

ประวัติซีรีส์ Monster Hunter หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 ไม่มีใครคาดคิดว่าเกมล่ามอนสเตอร์ที่เน้นการร่วมมือกันแบบ Multiplayer จะเติบโตจนกลายเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ระดับโลกของ Capcom วันนี้ชื่อของ Monster Hunter ไม่ได้เป็นเพียงเกมอีกต่อไป แต่กลายเป็น “วัฒนธรรมการเล่นร่วมกัน” ที่มีอิทธิพลต่อทั้งวงการเกม คอมมูนิตี้ และสื่อบันเทิงอื่นๆ ตั้งแต่หนัง ภาพยนตร์อนิเมะ ไปจนถึงของสะสมแบบพรีเมียม

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้เล่นจำนวนมากมองว่าเกม Monster Hunter เป็นหนึ่งในเกมที่ “ให้ความพึงพอใจในการเก็บเลเวลด้วยสกิล ไม่ใช่ตัวเลข” เพราะทุกครั้งที่ผู้เล่นล่ามอนสเตอร์ร้ายแรงขึ้น จะสะท้อนความเก่งของผู้เล่นโดยตรง ไม่ใช่ค่าพลังในตัวละคร ทำให้เกมนี้กลายเป็น “เกมสำหรับสายฝีมือ” อย่างแท้จริง

ความสำเร็จของซีรีส์ยังขยายผลไปสู่วงการสื่อบันเทิงอื่น เช่น คอนเทนต์รีวิว การสตรีม การแข่งขันล่าเร็ว (Speedrun) ทำให้แฟนคลับเพิ่มขึ้นในทุกทวีป รวมถึงผู้เล่นชาวไทยที่มีคอมมูนิตี้แข็งแรงและโตขึ้นต่อเนื่องทุกปี สนใจเริ่มต้นเดิมพันออนไลน์กับเว็บตรง สมัคร UFABET วันนี้ รับสิทธิพิเศษมากมาย ทั้งโบนัสแรกเข้าและระบบฝากถอนออโต้ รวดเร็ว ปลอดภัย 100%


2) จุดกำเนิด Monster Hunter – ความกล้าเสี่ยงของ Capcom (ยุค PS2 ปี 2004) ประวัติซีรีส์ Monster Hunter

Monster Hunter ภาคแรกเปิดตัวบน PlayStation 2 ในปี 2004 เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่ Capcom ตั้งใจทดลองแนวเกมใหม่ โดยเลี่ยงจากเกมเน้นเนื้อเรื่องแบบ Resident Evil ไปสู่เกม Co-op ที่เล่นกับเพื่อนได้ 4 คน

จุดเด่นของภาคแรก

  • ระบบล่าและคราฟอุปกรณ์จากชิ้นส่วนมอนสเตอร์
  • ความยากแบบ “อ่านท่ามอนสเตอร์ เป็นหลัก”
  • มีอาวุธ 5–6 ประเภท แต่ให้เอกลักษณ์ชัดเจนตั้งแต่ต้น
  • การทำเควสต์แบบออนไลน์ที่สนุกกว่าภาคออฟไลน์อย่างชัดเจน

แม้จะไม่ใช่เกมระดับ Top-chart ในวันแรก แต่กระแสปากต่อปากเกี่ยวกับ “ความมันของการล่ากับเพื่อน” ทำให้แฟนคลับเติบโตอย่างต่อเนื่อง จน Capcom ตัดสินใจพัฒนาภาคต่อทันที


3) ยุคทองบน PSP – Freedom / Freedom 2 / Freedom Unite (2005–2008)

นี่คือยุคที่ทำให้ Monster Hunter “ระเบิดความนิยมในญี่ปุ่น” อย่างแท้จริง เพราะ PSP เป็นเครื่องเกมที่เล่นได้ทุกที่ ทำให้กลุ่มวัยเรียนและวัยทำงานญี่ปุ่นพาเครื่องไปเล่นด้วยกันในร้านสะดวกซื้อ โรงเรียน หรือเวลาเดินทาง

Freedom Unite ภาคขึ้นหิ้ง

ภาคนี้ถูกเรียกว่า “ยุคคลาสสิก” ของ Monster Hunter เพราะ:

  • มีคอนเทนต์จำนวนมากที่สุดในยุคนั้น
  • มอนสเตอร์หลายตัวถือว่าดีไซน์โหดแต่แฟร์
  • อาวุธทุกชนิดสมดุลและสนุก
  • เป็นภาคที่ทำให้คำว่า “ล่าแย้” กลายเป็นคำฮิตในไทย

คอมมูนิตี้ Monster Hunter ไทยเริ่มเติบโตในช่วงนี้จากบอร์ดเกมต่างๆ และงานรวมกลุ่มเล่น PSP ทำให้เกิดการแข่งขันแบบไม่เป็นทางการจำนวนมาก ประวัติซีรีส์ Monster Hunter


4) ยุค Nintendo – Tri / 3U / 4 / 4G / Generations / Generations Ultimate

(2009–2017)

หลังจากความสำเร็จบน PSP Capcom ตัดสินใจย้ายซีรีส์ไป Nintendo โดยเริ่มจาก Monster Hunter Tri บน Wii ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญเพราะนำเสนอระบบต่อสู้น้ำครั้งแรก แม้จะเป็นลูกเล่นที่มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความกล้าของทีมพัฒนา

Monster Hunter 4 และ 4G – ยุคที่เกมเร็วขึ้น

นี่ถือเป็นภาคปฏิวัติความเร็วของเกม:

  • เพิ่มระบบ “ปีนป่าย” และโจมตีจากที่สูง
  • การเคลื่อนไหวคล่องตัวกว่าเดิม
  • มอนสเตอร์ออกแบบให้เล่นเชิงรุกได้สนุก

ระบบเด่นล่าสุดในช่วงนี้คือ Hunter Arts / Styles ในภาค Generations ซึ่งนำท่าพิเศษและสไตล์การเล่นที่หลากหลาย ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าอาวุธเดียวกันแต่เล่นได้หลากหลายแบบ


5) จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ – Monster Hunter World (2018)

ภาคนี้คือ “การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติซีรีส์” และเป็นภาคที่ทำให้ Monster Hunter กลายเป็นแฟรนไชส์ระดับโลกในสมบูรณ์แบบ ด้วยยอดขายสูงกว่า 20 ล้านชุด ถือเป็นเกมของ Capcom ที่ขายดีที่สุดตลอดกาล

ทำไมภาคนี้ถึงประสบความสำเร็จระดับโลก

  • กราฟิกที่โดดเด่นจาก RE Engine
  • แผนที่ใหญ่แบบ Seamless ไม่มีการโหลดโซน
  • มอนสเตอร์มีพฤติกรรมตามระบบนิเวศจริง
  • ระบบล่าอ่านง่ายขึ้นแต่ลึกกว่าเดิม
  • Co-op ออนไลน์สะดวกและเชื่อถือได้

ภาคเสริม Iceborne ยกระดับความโหดด้วย Master Rank และมอนสเตอร์ระดับตำนาน เช่น Rajang, Alatreon, Fatalis ซึ่งทำให้คอมมูนิตี้หลายคนบอกว่า “นี่คือภาคที่สมบูรณ์ที่สุดของ Monster Hunter” เล่นคาสิโนออนไลน์กับ ยูฟ่าเบท เว็บตรง มั่นคง ปลอดภัย ระบบทันสมัยที่สุด สมัครง่าย ไม่ผ่านเอเย่นต์ พร้อมโปรโมชั่นเด็ดทุกวัน


6) ยุคใหม่บนเครื่องพกพา – Rise และ Sunbreak (2021–2022)

Monster Hunter Rise บน Nintendo Switch นำเสนอระบบ Wirebug ที่เปลี่ยนความเร็วของเกมไปอีกระดับ
ผู้เล่นสามารถ:

  • โหนสลิงขึ้นที่สูง
  • เคลื่อนที่รอบสนามแบบรวดเร็ว
  • ควบคุมมอนสเตอร์ (Wyvern Riding)

นอกจากนี้การเพิ่มคู่หู Palamute ทำให้การเดินทางเร็วขึ้นและต่อคอมโบได้สนุกกว่าเดิม ถือเป็นภาคที่ตอบโจทย์ผู้เล่นยุคใหม่ที่ต้องการความเร็วในการเล่น

ภาคเสริม Sunbreak ยกระดับมอนสเตอร์ให้โหดขึ้น และเพิ่มระบบ Switch Skill Swap ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสลับสกิลกลางคอมโบ ทำให้เกมลึกขึ้นมาก


7) Monster Hunter วันนี้ – ซีรีส์ระดับโลก และแฟรนไชส์ที่เติบโตต่อเนื่อง

ทุกวันนี้ซีรีส์ Monster Hunter มีคอมมูนิตี้แข็งแกร่งทั่วโลก:

  • มีรายการล่าเร็ว (Speedrun) เป็นเรื่องเป็นราว
  • มีการจัดแข่งแบบทีม Co-op
  • นักแคสเกมหลายคนเติบโตจากเกมนี้โดยเฉพาะ
  • มีคอลเลคชันสินค้า ฟิกเกอร์ อาร์ตบุ๊คจำนวนมาก
  • หนังสือ เนื้อเรื่อง และอนิเมะถูกผลิตอย่างต่อเนื่อง

Capcom ยังประกาศจัดงาน Monster Hunter Fest และคอนเสิร์ตเพลงออเคสตร้าเป็นประจำ ทำให้ซีรีส์นี้เป็นมากกว่าเกม แต่เป็น “วัฒนธรรมของแฟนๆ ทั่วโลก”


8) วิเคราะห์องค์ประกอบที่ทำให้ซีรีส์นี้อยู่ยาวกว่า 20 ปี

1) ระบบต่อสู้ที่เติบโตตามฝีมือผู้เล่น

ไม่มีการเพิ่มค่าพลังแบบ RPG หนักๆ แต่เน้นการอ่านท่า อาศัยฝีมือจริง

2) การคราฟอุปกรณ์ที่ให้รางวัลแบบมีความหมาย

การได้ชิ้นส่วนหายากทำให้เกิดความภูมิใจ และกระตุ้นให้ล่าซ้ำแบบไม่เบื่อ

3) มอนสเตอร์ทุกตัวมีคาแรกเตอร์ชัดเจน

เช่น Rathalos, Nergigante, Lagiacrus ทุกตัวมีเอกลักษณ์ที่ผู้เล่นจำได้

4) Co-op ที่เข้าถึงง่าย

การล่ากับเพื่อนเป็นหัวใจสำคัญของซีรีส์ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้


9) รีวิวจากผู้เล่นจริง – เมื่อ Monster Hunter คือประสบการณ์ที่ “ต้องลองเองถึงเข้าใจ”

รีวิวที่ 1 – ผู้เล่นสาย World

“ตอนแรกผมคิดว่าเกมนี้ยากไป แต่พอเล่นไปเรื่อยๆ กลายเป็นติดมากกว่าที่คิด เพราะยิ่งเก่ง มอนสเตอร์ก็เหมือนท้าทายเรามากขึ้น ระบบทำอาวุธในภาค World กับ Iceborne คือดีสุดๆ ทั้งภาพทั้งเสียงทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในโลกของนักล่า”

รีวิวที่ 2 – ผู้เล่นสาย PSP ยุคเก่า

“Freedom Unite คือภาคที่ผมเล่นหนักที่สุดในชีวิต เคยสะพาย PSP ไปมหาวิทยาลัยทุกวันเพื่อเล่นกับเพื่อน ความรู้สึกการล่ากับทีมสี่คนมันสุดยอดมาก ทุกวันนี้ยังคิดถึงบรรยากาศนั้นเสมอ”

รีวิวที่ 3 – ผู้เล่น Rise / Sunbreak

“ความเร็วของ Rise คือสิ่งที่ผมชอบที่สุด Wirebug ทำให้เกมมีเทคนิคใหม่ๆ ตลอดเวลา มอนสเตอร์โหดแต่แฟร์ และระบบ Switch Skill ใน Sunbreak ทำให้ผมลองปรับสไตล์การเล่นจนเจอแบบที่ถนัด”


10) การเชื่อมโยงกับคำค้น: ยูฟ่าเบท / ระบบออโต้ / ฝากถอนไว / บริการตลอด 24 ชั่วโมง

แม้ Monster Hunter จะเป็นเกมแนวแอ็กชัน แต่ความสนุกของการล่าที่ต้องใช้ทักษะและการวางแผน ทำให้มีผู้เล่นหลายคนมองว่า “คล้ายการลงทุนที่ต้องคิดให้ดี” ซึ่งเป็นเหตุผลที่บางคนเลือกใช้เวลาว่างหลังล่ามอนสเตอร์เสร็จไปสนุกกับบริการของ ยูฟ่าเบท ด้วยระบบที่ใช้งานง่าย เหมือนกับเกมที่เข้าใจผู้เล่น

ผู้ใช้งานจำนวนมากชอบ ระบบออโต้ ที่ช่วยให้ทำรายการได้รวดเร็วแบบไม่ต้องรอ เช่นเดียวกับความลื่นไหลของเกม Monster Hunter World ที่ทุกอย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด นอกจากนี้การ ฝากถอนไว ก็ช่วยให้ผู้เล่นรู้สึกสบายใจ เพราะสามารถเข้าร่วมเล่นเมื่อไรก็ได้โดยไม่ต้องเสียเวลา เหมือนการเข้าล็อบบี้ล่าแบบทันที

อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนชอบคือการมี บริการตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งให้ความรู้สึกคล้ายคอมมูนิตี้ของ Monster Hunter ที่ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ก็มีคนพร้อมล่ามอนสเตอร์ด้วยเสมอ ทำให้กิจกรรมทั้งสองอย่างนี้เติมเต็มไลฟ์สไตล์ของคนรักความสนุกได้อย่างลงตัว เข้าถึงทุกการเดิมพันได้ง่ายผ่าน ทางเข้า UFABET ล่าสุด เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ รองรับมือถือทุกระบบ เข้าเล่นได้ตลอด 24 ชั่วโมง


11) วิเคราะห์อนาคต – Monster Hunter ภาคใหม่จะเดินไปทางไหน

จากแนวโน้มของ Capcom ภาคถัดไปของซีรีส์น่าจะเน้น:

  • กราฟิกระดับ Next-gen เต็มรูปแบบ
  • โลกเปิด (Open-world) ที่สมจริงขึ้น
  • AI มอนสเตอร์ที่ตอบสนองผู้เล่นแบบไดนามิก
  • ระบบออนไลน์ที่ลื่นขึ้น

หลายคนคาดว่าภาคต่ออาจผสมผสานการเคลื่อนไหวแบบ Rise เข้ากับความสมจริงแบบ World ทำให้กลายเป็นซีรีส์ที่สมบูรณ์ที่สุดอีกครั้ง


12) สรุป – จากเกมเฉพาะกลุ่มสู่แฟรนไชส์ระดับโลก

Monster Hunter เริ่มต้นจากความเสี่ยงของ Capcom แต่ด้วยระบบเกมที่เน้นสกิล และประสบการณ์ล่าที่ให้ความรู้สึก “ท้าทายแต่คุ้มค่า” ทำให้ซีรีส์เติบโตมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี พร้อมคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่งทั่วโลก

จากภาคแรกบน PS2 จนถึงยุค World / Iceborne และ Rise / Sunbreak แฟรนไชส์นี้พิสูจน์แล้วว่า “เกมที่ดีไม่จำเป็นต้องตามกระแส แต่ต้องให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจริงๆ”

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักล่าเก่าหรือนักล่าใหม่ ซีรีส์ Monster Hunter จะยังคงเป็นเกมที่สร้างความทรงจำ การร่วมมือ และความท้าทายที่ไม่มีเกมไหนให้ได้เหมือนกัน